ข้อสอบสำหรับสมัครเรียนต่อ
ข้อสอบสำหรับสมัครเรียนต่อ
การเตรียมตัวสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อต่างประเทศ
สถานศึกษาในต่างประเทศ จะรับพิจารณานักศึกษาเข้าศึกษาที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ควรมีคะแนน GPA อย่างน้อย 2.00 สำหรับระดับปริญญาโท GPA = 2.3 ขึ้นไป ทั้งนี้ในบางประเทศ นักเรียนต้องผ่านหลักสูตรการเรียนปรับพื้นฐานก่อนเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมและสอบตามระบบเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ขี้นอยู่กับเกษณ์การรับนักศึกษาแต่ละแห่ง
เงื่อนไขของแต่ละประเทศและสถาบันการศึกษาอาจแตกต่างกันออกไป ส่วนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ มักใช้ผลการทดสอบมาตรฐานเพื่อเป็นเกณฑ์ในการรับเข้าศึกษา นักเรียนจึงควรฝึกฝนความสามารถทางภาษาดังกล่าวให้ได้ตามเกณฑ์ที่สถาบันการศึกษากำหนด โดยการทดสอบที่สำคัญ มีดังนี้
TOEFL (Test of English as a Foreign Language)
TOEFL เป็นข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบ เพื่อประเมินความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ กล่าวได้ว่า TOEFL เป็นการสอบแบบมาตรฐานที่ใช้วัดความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของนักศึกษาต่างชาติ ปัจจุบัน มีวิทยาลัย มหาวิทยาลัย 8,500 แห่งและองค์กรมากกว่า 130 ประเทศ ที่ยอมรับคะแนนผลสอบ TOEFL การสอบ TOEFL iBT เป็นการสอบในรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทักษะในเชิงประยุกต์ และผลการสอบจะให้ข้อมูลที่ดีกว่าเกี่ยวกับความสามารถในการติดต่อสื่อสารของ ผู้สอบ นอกจากนักศึกษาต่างชาติจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของภาษาแล้วยังจะต้องมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ETS ได้พัฒนาการสอบ TOEFL iBT ในรูปแบบใหม่ขึ้นโดยเป็นการสอบที่ช่วยให้แต่ละบุคคลได้แสดงออกถึงความสามารถของทักษะภาษาอังกฤษ
ใช้เวลาทดสอบ 4 ชั่วโมง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ets.org/toefl
ผลสอบ TOEFL IBT
ค่าสมัครสอบ TOEFLiBT ค่าสอบ $160 หากสมัครสอบปกติ แต่หากสมัคร 3 วันก่อนสอบ ต้องเสียค่าสมัครช้าอีก $35
ค่าบริการสอบ TOEFL ที่ท่านได้ชำระไปนั้นเป็นค่าบริการที่ครอบคลุมถึงรายงานผมสอบแบบกระดาษ 1 ฉบับและแบบ Online 1 ครั้ง รวมถึงรายงานผลการสอบอย่างเป้นทางการที่ ETS จะจัดส่งไปให้กับสถาบันการศึกษาหรือ องค์กรต่างๆที่ท่านได้เลือกไว้ตอนสมัครสอบ (จนถึง) 4 แห่ง ท่านสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหรือ ลบออกรายละเอียดของผู้รับได้ทาง online จนถึงเวลา 22.00 น (เวลาท้องถิ่นในประเทศไทย) ของวันก่อนสอบ ETS จะจัดส่งรายงานผลสอบให้กับท่านและสถาบันการศึกษาภายใน 15 วันทำการหลังจากวันที่ท่านสอบ
รายงานผลคะแนนสอบ TOEFL iBT คะแนนสอบของท่าน จะได้รับการใส่ข้อมูลเพิ่มในระบบ Online ภายในระยะเวลา 15 วัน ทำการหลังจากวันที่สอบ(โดยอาจมีข้อยกเว้นบางประการ) หลังจากนั้น จำทำการจัดส่งออกไปให้ผู้รับที่ท่านเลือกไว้ ท่านสามารถดูคะแนนสอบของท่านในแบบ Online ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยท่านต้องมี user name และ password ทั้งนี้ ท่านจะไม่สามารถดูผลคะแนนสอบของท่านหลังจากสอบเสร็จได้เหมือนกับการสอบ TOEFL ในแบบ Computer-based
ข้อสอบ TOEFL iBT ประกอบไปด้วยการสอบใน 4 ส่วนและการ รายงานผลคะแนน TOEFL iBTจะแยกแบ่งเป็นแต่ละส่วนคือ การฟัง การอ่าน การพูดและการเขียน และคะแนนรวม โดยมีช่วงคะแนนดังนี้
การฟัง (Listening) | 0-30 |
การอ่าน (Reading) | 0-30 |
การพูด (Speaking) | 0-30 |
การเขียน (Writing) | 0-30 |
คะแนนรวม (Total Score) | 0-120 |
นอกจากรายงานคะแนนแบบตัวเลขแล้วก็ยังมีรายงานที่แสดงให้เห็นถึงระดับความสามารถของท่าน และคำอธิบายถึงประเภทของงานในขอบข่ายของรายงานที่ผู้สอบสามารถทำได้ คะแนนของท่านจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการตอบคำถามตอนสอบ ท่านต้องตอบคำถามอย่างน้อย 1 ข้อในส่วนของ Reading และ Listening ทั้งยังต้องเขียนอย่างน้อย 1 บทความ และทำข้อสอบในส่วนของ Speaking อย่างน้อย 1 ชุด จึงจะได้รับรายงานผลการสอบอย่างเป็นทางการ
ระยะเวลาของการใช้ผลคะแนน คะแนนสอบ TOEFL มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ ดังนั้นในกรณีที่ท่านสอบครั้งหลังสุด เป็นเวลานานกว่า 2 ปีมาแล้ว ท่านต้องสอบ TOEFL ใหม่จึงจะสามารถขอรายงานผลการสอบได้
IELTS (International English Language Testing System)
IELTS เป็นการทดสอบทักษะด้านภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่จะศึกษาต่อ หรือ เพื่อการฝึกอบรมที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ผลการสอบ IELTS เป็น ที่ยอมรับจากสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร แคนาดา และนิวซีแลนด์ และปัจจุบัน สถาบันในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มยอมรับการ พิจารณาผล IELTS ในการตอบรับนักศึกษาเข้าเรียนต่อแล้ว การดำเนินงาน ปัจจุบัน ดูแลร่วมกันโดย British Council, IDP: IELTS Australia and the University of Cambridge ESOL Examinations (Cambridge ESOL)
ลักษณะการสอบ IELTS จะทดสอบทักษะ 4 ส่วน ได้แก่ การอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด โดยแบ่งประเภทการสอบเป็น 2 ประเภท คือ แบบ Academic และ General Training
การสอบแบบ Academic จะใช้ทดสอบผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ขึ้นไป ส่วนการสอบแบบ General Training ใช้ทดสอบผู้ที่จะเข้าศึกษา ต่อในสาย อาชีพ หรือฝึกอบรมงาน วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี ระดับมัธยมศึกษา หลักสูตรระยะ สั้นๆ
ข้อแตกต่างของข้อสอบใน 2 ประเภทนี้คือ ข้อสอบส่วนของการอ่านและการเขียน ซึ่งจะแยกเป็นแบบ Academic และแบบ General Training สำหรับข้อสอบส่วนการฟังและการพูดจะเหมือนกัน
การสอบใน 3 หมวดแรก การฟัง การอ่าน และการเขียนจะต้องสอบภายในวันเดียวกัน โดยไม่มีการหยุดพักระหว่างการสอบ ส่วนวันทดสอบการพูดนั้นขึ้นอยู่กับศูนย์สอบจะกำหนด โดยจะกระทำการสอบภายใน 7 วัน ก่อนหรือหลังการทดสอบในหมวดอื่น
ผู้สมัครสามารถลงทะเบียนสมัครสอบได้ที่ศูนย์สอบ 6 แห่งในประเทศไทย
และ บริษัทตัวแทนของ British Council อีกหลายแห่งในจังหวัดต่างๆ ปัจจุบัน มีศูนย์สอบ IELTS อย่างเป็นทางการ 6 แห่ง ดังนี้
1. British Council Bangkok ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง 254 จุฬาลงกรณ์ ซอย 64 สยามสแควร์ถนนพญาไท ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ : 0 2657 5678
2. British Council Chiang Mai ค่าสอบ ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง 198 ถนนบำรุงราษฎร์ อำเภอเมือง เชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์: 053 242 103 ต่อ 24
3. IDP Education Services Co. Ltd. ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ชั้น 4 อาคารซีพีทาวเวอร์ 313 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทร 02-638-3111 ต่อ 111-112
4. IDP Education Services Co. Ltd. – Chang Mai ค่าสอบ ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง
International Centre for Education มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 239 ถนนห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ 50200
โทรศัพท์ : 053 217 552
5. IDP Education Services Co. Ltd. – Hat Yai ค่าสอบ ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ห้องสมุดกลาง มหาวิทยาลัยสงขลา หาดใหญ่
โทรศัพท์: 074 459 321
6. IDP Education Services Co. Ltd. – Khon Kaen ค่าสอบ 6,440 – 6700 บาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง
International Education Centre ห้องสมุดกลาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น
โทรศัพท์ : 043 343 826
เอกสารหลักฐานในการลงทะเบียนสอบ IELTS
- IELTS Application form
- หนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ ซึ่งถ่ายภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
รายงานผลการสอบและคะแนนสอบ
ผู้สอบจะได้รับผลสอบ IELTS ภายในระยะเวลา 13 วันทำการหลังจากวันที่สอบ โดยจะอยู่ในรูปแบบของรายงานผลการสอบ (Test Report Form) (TRF) ที่แสดงผลคะแนนรวม (Overall Band Score) อยู่ในช่วง 1 ถึง 9 (9 คือคะแนนดีที่สุด) ซึ่งเป็นคะแนนโดยเฉลี่ยของคะแนนจากทั้ง 4 ส่วน ทั้งยังแสดงคะแนนในแต่ละส่วน (Band) ด้วย การแปลความหมายโดยละเอียดของคะแนนสอบ IELTS สามารถหาอ่านได้จาก IELTS Handbook หรือที่ www.ielts.org ผลสอบ IELTS สามารถใช้ได้ภายในระยะเวลา 2 ปีเท่านั้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการสอบ IELTS สามารถดูได้ที่ www.ielts.org
SAT (Scholastic Aptitude Test)
|
โครงสร้างของข้อสอบ
ข้อสอบ SAT แบ่งออกเป็น 7 section เวลาในการสอบคือ 3 ชั่วโมง โดยจัดแบ่งข้อสอบดังนี้
- SAT Verbal: มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Reading, Grammar และ Analytical Reasoning โดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- SAT Math: มี 3 ส่วนเช่นกัน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- Experimental: การสอบใน 1 section ที่เหลือนี้ จะเป็นเรื่องของบททดสอบ ซึ่งอาจเป็นทางด้านของ Verbal หรือ Math และใช้เป็นข้อมูลภายในของ ETS เท่านั้น คะแนนในส่วนนี้ จะไม่นำมารวมกับคะแนนในส่วนอื่นๆ
ผลคะแนน SAT
ผู้สอบจะได้รับคะแนนแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนของ Math และส่วนของ Verbal ในแต่ละวิชานี้ จะมีระดับคะแนนอยู่ในช่วง 200 – 800 โดยระดับคะแนนเฉลี่ยของทั้งประเทศจะอยู่ในช่วงประมาณ 500 ของแต่ละวิชา หรือคะแนนรวม 1,000 อย่างไรก็ดี สถาบันการศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง มักต้องการระดับคะแนนที่สูงกว่านี้มาก
ระดับคะแนนที่แต่ละสถาบันการศึกษาต้องการ จะมีความแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ดี สถาบันการศึกษาเหล่านี้ ก็พิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย รวมถึง GPA และใบรายงานผลการเรียน จดหมาย recommendation การสัมภาษณ์ และการเขียนบทความเกี่ยวกับตัวเองของนักศึกษา นอกจากนี้ สถาบันการศึกษาทุกแห่งยังสามารถรับพิจารณาผล ACT แทนผล SAT ได้
SAT II – Scholastic Aptitude Test II
การสอบ SAT II Subject Tests เป็นการสอบที่ได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อประเมินความรู้ของผู้สอบในสาขาวิชาเฉพาะ และเป็นวิชาที่สถาบันการศึกษาใช้พิจารณา ในการตอบรับนักศึกษา โดยแบ่งออกเป็น 22 สาขาวิชา ดังนี้ Writing (with an essay), Literature, U.S. History, World History, Math Level IC, Math Level IIC, Biology E/M, Chemistry, Physics, French Reading, French Reading with Listening, German Reading, German Reading with Listening, Spanish Reading, Spanish Reading with Listening, Modern Hebrew Reading, Italian Reading, Latin Reading with Listening, Japanese Reading with Listening, Korean Reading with Listening, Chinese Reading with Listening, และ English Language Proficiency Test.
สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ จะพิจารณาผลการสอบ SAT II ใน 3 สาขาวิชาคือ Math IC หรือ IIC, Writing และอีก 1 สาขาวิชาตามที่ผู้สอบต้องการ กล่าวได้ว่ากว่า 1 ใน 3 ของสถาบันการศึกษาที่มีข้อกำหนดให้ส่งผล SAT จะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับ SAT II ใน 2-3 สาขาวิชาด้วยเช่นกัน
ระยะเวลาของการสอบ SAT II ในแต่ละสาขาวิชาคือ 1 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่แล้ว (ยกเว้นในสาขาวิชา Writing) จะเป็นข้อสอบแบบปรนัยทั้งหมด ระดับคะแนนของ SAT II ในแต่ละสาขาวิชา ก็จะอยู่ในรูปแบบเดียวกับ SAT คือ 200-800 โดยกล่าวได้ว่าระดับ 600 นับว่าเป็นระดับคะแนนที่สูงมาก
หน่วยงานรับผิดชอบ ค่าสอบและสถานที่สอบ SAT
การสมัครสอบ SAT สามารถทำผ่านทางเว็บไซด์ของ College Board ซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ SAT รวมถึงการสมัคร online: www.collegeboard.com
ผู้สอบต้องชำระค่าสมัครสอบด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นจำนวนเงิน $78 ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆมีดังนี้
(1) กรณีที่มีการลงทะเบียนสมัครสอบล่าช้า ผู้สอบจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก $26
(2) ผู้สมัครสอบในประเทศไทยไม่สามารถขอเลื่อน เปลี่ยนแปลงรอบสอบหรือ Standby ในวันสอบได้
(3) ผู้สมัครสอบไม่สามารถยกเลิกการสอบและจะไม่มีการคืนเงินแก่ผู้สมัครสอบ
(4) หากผู้สมัครสอบต้องการได้รับกระดาษข้อสอบและคำตอบของการสอบในรอบที่ตนเองสอบ
ผู้สอบสามารถลงทะเบียนขอรับกระดาษคำตอบพร้อมทั้งข้อสอบและเฉลยได้ภายหลังจากวันสอบ
ไม่เกิน 6 สัปดาห์โดยเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม $18
ศูนย์สอบ SAT ในประเทศไทยมีทั้งกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค ดังต่อไปนี้
1. ศูนย์สอบในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- Ruamrudee International School (RIS)
- Bangkok Pattana International School
- International Community School of Bangkok (ICS)
- New International School of Thailand (NIST)
- KIS International School (KIS)
- Keerapat International School
- Thai-Chinese International School
- Harrow International School
2. ศูนย์สอบในต่างจังหวัด
- Pream Tinsulanonda International School (Pream)
- Chiang Mai International School (CMIS)
- International School Eastern Seaboard (Burapha Golf Club)
- British International School, Phuket (BIS)
- Lanna International School in Chinag Mai
ช่วงเวลาในการสอบ SAT
การจัดสอบ SAT ในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7 ครั้งต่อปีสำหรับการสอบในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับ
ผู้ที่ไม่ได้สอบในประเทศสหรัฐอเมริกา ศูนย์ทดสอบได้จัดทดสอบทั้งสิ้น 6 ครั้งดังตารางต่อไปนี้
วันสอบ
(สัปดาห์แรก) วิชาที่สอบ การสมัครเพื่อสอบนอกสหรัฐอเมริกา
สมัครก่อน สมัครปกติ
มกราคม SAT I, SAT II สัปดาห์ต้น ธ.ค. สัปดาห์สุดท้าย ธ.ค.
พฤษภาคม SAT I, SAT II สัปดาห์ที่สอง มี.ค. สัปดาห์ต้น เม.ย.
มิถุนายน SAT I, SAT II สัปดาห์ที่ 2 เม.ย. สัปดาห์ต้น พ.ค.
ตุลาคม SAT I, SAT II N/A สัปดาห์ที่ 2 ก.ย.
พฤศจิกายน SAT I, SAT II สัปดาห์ที่ 2 ก.ย. สัปดาห์ต้น ต.ค.
ธันวาคม SAT I, SAT II สัปดาห์ที่ 2 ต.ค. สัปดาห์สุดท้าย ต.ค.
รายละเอียดของข้อสอบ SAT ใหม่
ตามที่ข้อสอบ SAT ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของข้อสอบในเดือนมีนาคม 2005 นั้นรูปแบบของข้อสอบใหม่ประกอบโดยข้อสอบ 7 ประเภทดังนี้
1. Math: Multiple Choice
- เป็นข้อสอบเลขระดับมัธยมปลายโดยมีตัวเลือกให้ 5 ข้อ
- เรียนวิชา Math ของ GMAT ได้ (GMAT ยากกว่า SAT)
2. Math: Grid-Ins
- เป็นข้อสอบเลขระดับมัธยมปลายโดยไม่มีตัวเลือกให้
- เรียนวิชา Math ของ GMAT ได้
3. Identifying Sentence Errors
- เป็นข้อสอบ Grammar เหมือน TOEFL CBT แต่มีตัวเลือก 5 ข้อ
- เรียนวิชา Error Identification ของ TOEFL ได้ (TOEFL ง่ายกว่า SAT)
4. Improving Sentences
- เป็นข้อสอบ Grammar และ Style โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก
- เรียนวิชา Sentence Correction ของ GMAT ได้ (GMAT ยากกว่า SAT)
5. Identifying Paragraph Errors
- เป็นข้อสอบ Writing โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก
- เรียนวิชา Paragraph ของ TOEFL iBT ได้
6. Essay
- เป็นข้อสอบ Writing
- เรียนวิชา Writing ของ GMAT ได้
7. Sentence Completion
- เป็นข้อสอบ Vocabulary และ Reading โดยผู้สอบต้องเลือกคำศัพท์เติมในช่องว่าง
- สามารถทดแทนด้วยการเรียน Vocabulary และ Reading ของ GMAT ได้
- ผู้เรียนควรท่องศัพท์เพิ่มเติม
8. Reading Comprehension
- เป็นข้อสอบ Reading โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก
- เรียนวิชา Reading ของ GMAT ได้
โดยรวมแล้วข้อสอบ SAT “ใหม่” มีความใกล้เคียงกับข้อสอบ GMAT มากกว่าข้อสอบเดิมอย่างเด่นชัด (ในขณะที่ข้อสอบเดิมจะมีความใกล้เคียงกับข้อสอบ GRE ที่เน้นการท่องศัพท์แต่ในขณะที่ข้อสอบใหม่จะเน้นการวิเคราะห์) ดังนั้นผู้เตรียมตัวสอบ SAT สามารถฝึกฝนและเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานและเทคนิคการทำข้อสอบโดยการเข้าเรียนหลักสูตร GMAT ได้ โดยรวมแล้วเนื้อหาของหลักสูตร GMAT จะยากกว่าข้อสอบ SAT ดังนั้นทางสถาบัน Kendall น่าจะแนะนำหลักสูตรดังกล่าวให้กับนักเรียนที่สามารถทำคะแนน TOEFL ได้มากกว่า 550 เท่านั้น***
GRE (Graduate Record Examination)
เป็นข้อสอบที่ใช้สำหรับ ผู้ที่ต้องการสมัครเพื่อเข้าศึกษาต่อ ในหลักสูตรระดับมหาบัณฑิตศึกษา (มากว่าปริญญาตรีขึ้น)โดยบริหารและดำเนินการสอบโดย Educational Testing Service (ETS) การสอบ GRE มีอยู่ 2 รูปแบบคือ GRE General Test และ GRE Subject Tests โดยทั่วไป หากสถาบันการศึกษาไม่ได้มีการกำหนดลงไปอย่างชัดเจนว่าต้องการผลสอบ GRE แบบ Subject Test ในสาขาวิชาอะไร จะหมายถึงผลสอบ GRE General Test หลักสูตรที่สถาบันการศึกษา ส่วนใหญ่มักกำหนดให้นักศึกษาที่ต้องการสมัครเข้าศึกษาต่อ ยื่นผลสอบ GRE ด้วยคือหลักสูตรทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน และหลักสูตรในระดับปริญญาเอก
การสอบ GRE มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
1. การสอบทั่วไป (General Test )
2. การสอบเฉพาะวิชาสาขา (Subject Test) ในวิชาต่างๆ 16 สาขา
การสอบทั่วไป (General Test ) เป็นการสอบ เพื่อวัดทักษะของผู้สอบที่มีอยู่ โดยวัดออกมา ในรูปของคะแนนของความสามารถทางภาษา คำนวณ และความสามรถ ในเชิงวิเคราะห์ การสอบใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที ในประเทศไทย ปัจจุบันได้เปลี่ยนรูปแบบการสอบ มาเป็นแบบ Computer Adaptive Test (CAT) ซึ่งสามารถสมัครสอบได้ กว่า 20 วันในแต่ละเดือน และรู้ผลสอบได้อย่างรวดเร็วการสอบเฉพาะสาขาวิชา
(Subject Test) เป็นการสอบ เกี่ยวกับวิชาหลัก ในสาขาที่นักศึกษาต้องการเข้าศึกษา ซึ่งจะมีทั้งหมด 16 วิชาผู้สอบ ว่าต้องการผลคะแนนการสอบ Subject Test หรือไม่ ถ้าไม่ได้ระบุไว้จะหมายถึงการสอบเฉพาะ General Test รายงานผลการสอบ
การสมัครสอบและสถานที่สอบ GRE General Test
เนื่องจากการสอบไม่ได้มีจัดขึ้นทุกวันที่ศูนย์สอบแต่ละแห่ง ดังนั้น ผู้สอบควรตรวจสอบกับ Regional Registration Center -RRC สำหรับประเทศไทย ในเรื่องของวันสอบที่ต้องการสอบเสียก่อน โดย Regional Registration Center-RRC สำหรับการติดต่อเพื่อการสมัครสอบในประเทศไทยคือที่
RRC Region 6-ASIA
โทรศัพท์: 60-3-7628-3333 (กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย)
โทรสาร: 60-3-7628-3366
รายละเอียดของสถานที่สอบในประเทศไทย คือที่ Institute of International Education-IIE (Site Code: 8481) 6th Floor, Maneeya Center North 518/3 Ploenchit Road, Pathumwan Bangkok 10330 โทรศัพท์: +66 (0) 2652 0653
ผู้สอบสามารถสมัครสอบ GRE General Test ได้ 4 วิธีดังนี้
1. | Web: เป็นการสมัครสอบแบบ Online (ซึ่งต้องชำระค่าสอบด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น) โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ets.org/gre/ |
2. | โทรศัพท์: ด้วยการโทรติดต่อไปที่ RRC ก่อนวันที่ต้องการสอบอย่างน้อย 2 วันทำการ และต้องชำระค่าสอบด้วยบัตรเครดิต American Express , Discover, JCB, MasterCard , VISA หรือ Voucher Number และเมื่อสมัครและชำระค่าสอบแล้ว ผู้สอบจะได้รับหมายเลขยืนยันการสอบ ระยะเวลาในการจัดส่งรายงานผลการสอบ และที่อยู่ของศูนย์สอบทางโทรศัพท์ |
3. | โทรสาร: ผู้สอบต้องส่งโทรสารแบบฟอร์ม International Test Scheduling Form (สามารถ download แบบฟอร์มได้ที่ www.ets.org/gre/) ที่กรอกครบถ้วนแล้วไปที่ RRC Region 6 โดยที่ RRC จะต้องได้รับแบบฟอร์มอย่างน้อย 7 วันก่อนวันที่ต้องการสอบวันแรก สามารถชำระค่าสอบได้ด้วยบัตรเครดิต American Express , Discover, JCB, MasterCard , VISA หรือ Voucher Number จากนั้น ผู้สอบจะได้รับหมายเลขยืนยันการสอบ ระยะเวลาในการจัดส่งรายงานผลการสอบ และที่อยู่ของศูนย์สอบทางโทรสารหรือไปรษณีย์ (หรือทาง e-mail) ในกรณีที่ยังไม่ได้รับการยืนยันการสมัครสอบ ให้ติดต่อไปที่ RRC อย่างน้อย 3 วันทำการก่อนวันที่ต้องการสอบ |
4. | ไปรษณีย์: ผู้สอบต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม International Test Scheduling Form พร้อมชำระค่าสอบ และจัดส่งทางไปรษณีย์ไปที่ RRC Region 6 โดยที่ RRC จะต้องได้รับแบบฟอร์มที่กรอกครบถ้วนแล้วอย่างน้อย 3 สัปดาห์ก่อนวันที่ต้องการสอบวันแรก จากนั้น ผู้สอบจะได้รับหมายเลขยืนยันการสอบ ระยะเวลาในการจัดส่งรายงานผลการสอบ และที่อยู่ของศูนย์สอบทางโทรสารหรือไปรษณีย์ ในกรณีที่ยังไม่ได้รับการยืนยันการสมัครสอบ ให้ติดต่อไปที่ RRC อย่างน้อย 3 วันทำการก่อนวันที่ต้องการสอบ |
คะแนนและการจัดส่งรายงานผลการสอบ GRE Subject Test
รายงานผลการสอบจะแสดงคะแนนรวมที่อยู่ในช่วง 200-990 โดยมีความแตกต่างของคะแนนช่วงละ 10 คะแนน นอกจากนี้ ยังแสดงคะแนนย่อยในรายวิชา Biochemistry, Cell and Molecular Biology; Biology; และ Psychology ที่อยู่ในช่วง 20-99 โดยมีความแตกต่างของคะแนนช่วงละ 1 คะแนน
รายงานผลการสอบ จะถูกจัดส่งไปให้กับผู้สอบและสถาบันการศึกษาได้ถึง 4 แห่ง ภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากวันสอบ โดยผู้สอบต้องเลือกสถสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GRE สามารถดูได้ที่ www.gre.org
ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรด้านธุรกิจ และการบริหาร เป็นแบบทดสอบด้านคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ เพื่อใช้วัดความสามารถหรือความถนัดสำหรับการศึกษาต่อด้านนี้ สถาบันส่วนใหญ่จะพิจารณาผลสอบนี้เพื่อรับนักศึกษาเข้าเรียนต่อ ซึ่งการทดสอบสามารถทำได้โดยสอบที่ศูนย์สอบ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วโลก การทดสอบจะทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น
โครงสร้างของข้อสอบ
GMAT มีรูปแบบการสอบที่เรียกว่า Computer-Adaptive Test (CAT) ใช้เวลาสอบรวมทั้งหมดประมาณ 3.5 – 4 ชั่วโมง รวมเวลาพักแต่ละช่วง ลักษณะข้อสอบประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ
1. Analytical Writing Assessment : เป็นการเขียน 2 essays แต่ละ essays ใช้เวลา 30 นาที ผลคะแนนเป็น 0-6
2. Quantitative section : ประกอบด้วยคำถาม 37 ข้อ ใช้เวลาตอบ 75 นาที ลักษณะคำถามมี 2 แบบคือ problem solving และ data sufficiency ผลคะแนนเป็น 0 – 60
3. Verbal section : ประกอบด้วยคำถาม 41 ข้อ ใช้เวลาตอบ 75 นาที ลักษณะคำถามมี 3 รูปแบบคือ sentence correction, critical reasoning และ reading comprehension ผลคะแนนเป็น 0 – 60
ผู้สมัครสามารถลงทะเบียนเพื่อสอบ GMAT ได้ 2 วิธี คือ
- สมัคร Online ที่ www.mba.com โดยใช้ credit card
- โทรศัพท์ สมัครที่ test centers การจ่ายค่าสมัครสอบใช้ credit card
ผู้สมัครสามารถตรวจสอบ สถานที่สอบ วัน เวลาสอบ และที่นั่งสอบที่ยังว่างอยู่ได้ที่ www.mba.com หลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้สมัครจะได้รับการยืนยัน การลงทะเบียน ทาง e-mail ถ้าได้แจ้งไว้ตอนสมัคร ถ้าไม่ได้แจ้ง e-mail ไว้ จะได้รับการยืนยันทางจดหมาย
อัตราค่าสอบ GMAT และศูนย์สอบในประเทศไทย
อัตราค่าสอบ GMAT เท่ากับ US $ 250 ทั่วโลก โดยที่อัตราค่าสอบรวมถึงค่าบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอบ ผู้สอบสามารถสอบ ได้ 1 ครั้งภายในระยะเวลา 31 วัน แต่ต้องไม่เกิน 5 ครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ถ้าผู้สอบสามารถสอบได้คะแนน 800 ผู้สอบจะไม่สามารถสอบได้อีกภายในระยะเวลา 5 ปีจากวันสอบ
ศูนย์สอบ GMAT ในประเทศไทย 2 แห่งคือ
Pearson Professional Centers – กรุงเทพ Center ID 50507 ที่อยู่ : Bangkok Business Building Level 10 Unit 1010 54 สุขุมวิท 21 กรุงเทพ, 10110 Tel:02664-3563
A&A NEO TECHNOLOGY- เชียงใหม่ Center ID 51272 อยู่ : 248/55-56 ถนนมณีนพรัตน์ ศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200 โทรศัพท์ : 053 227 500-2
ผลสอบ GMAT
ผลสอบ GMAT จะประกอบไปด้วยตัวเลขต่างๆ หลายส่วน ตัวเลขที่ใช้อ้างอิงส่วนใหญ่คือผลคะแนนรวม ซึ่งจะอยู่ในช่วง 200-800 ซึ่งเป็นคะแนนในส่วนของ Math และ Verbal คะแนนในส่วนของ Verbal และ Math จะได้รับการจัดคะแนนแยกจากกัน โดยคะแนนจะอยู่ในช่วง
0 – 60 สำหรับแต่ละส่วน ในส่วนของการเขียนบทความหรือ Analytical Writing Assessment (AWA) จะมีช่วงคะแนน 0-6 โดยในข้อสอบ จะมีบทความ 2 บทความ ซึ่งแต่ละบทความ จะได้รับการประเมินผลจาก 2 ฝ่าย อย่างไรก็ดี คะแนนในส่วนของ AWA จะไม่ได้นำเข้าไปรวมกับคะแนนรวม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GMAT
- www.mba.com/mba/takethegmat หรือ
- GMAT Customer Service ในส่วนของ Asia-Pacific Region
E-mail: [email protected] วันจันทร์-ศุกร์ 7.00 -19.00 น.
โทรศัพท์ : ++60383189961