เอกสารวีซ่าโดยทั่วไปใช้อะไรบ้าง Statement คืออะไร
การเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่ว่าจะไปเรียนต่อหรือไปทำงาน เรื่องสำคัญที่พลาดไม่ได้คือการยื่นขอวีซ่าที่เหมาะสมเพื่อเข้าประเทศที่ต้องการไป แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องการเตรียมเอกสาร จึงทำให้การยื่นวีซ่าไม่ผ่านและอาจจะต้องใช้เวลาในการยื่นเอกสารนานเกินไป จนทำให้การเดินทางไม่เป็นไปตามที่คิด โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษาที่จำเป็นจะต้องเดินทางไปศึกษาต่อให้ตรงเวลา เรื่องยื่นวีซ่าจึงจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด แบบนี้ลองมาดูว่าเอกสารวีซ่าโดยทั่วไปใช้อะไรบ้าง? และ statement ที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่าคืออะไร? มีความจำเป็นมากน้อยขนาดไหน?
- หนังสือเดินทาง
คุณต้องการขอวีซ่าประเทศใด ควรจะต้องมีหนังสือเดินทางของประเทศนั้น หรือถ้าก่อนหน้านี้มีหนังสือเดินทางของประเทศอื่นก็ควรนำติดตัวมาด้วย - เอกสารด้านการศึกษาหรือการทำงาน
ถ้าเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อคุณต้องเตรียมเอกสารที่เป็นหลักฐานด้านการศึกษา ดังนี้- หนังสือรับรองจากทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ในกรณีที่ไปก่อนเวลาจบ
- หนังสือรับรองสำเร็จการศึกษา ในกรณีที่เรียนจบแล้ว
- ใบผลการเรียนหรือทรานสคริปชั่น
สำหรับคนที่เทำงานแล้วเตรียมเอกสาร ดังนี้
- สำหรับคนทำงานประจำต้องมีหนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทที่ทำอยู่, ใบลา และสลิปเงินเดือน
- สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการต้องมีหนังสือรับรองธุรกิจที่สามารถแสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าของตัวจริง, ใบเสียภาษีฉบับล่าสุด และ statement ของธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือน
- แผนการเดินทาง
ไม่ว่าคุณจะไปศึกษาต่อหรือไปทำงาน คุณย่อมต้องมีแผนของการเดินทาง ดังนั้นจึงต้องยื่นเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้องหรือแสดงให้เห็นความตั้งใจเดินทางไปของคุณในครั้งนี้ - เอกสารส่วนบุคคล
เอกสารส่วนบุคคลแบบพื้นฐาน คือ ใบสูติบัตร (กรณีนักเรียน), บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน และใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) ซึ่งเอกสารเหล่านี้ใช้เพียงสำเนาเท่านั้น จึงควรถ่ายเอกสารไปให้เรียบร้อยและแต่ละสถานทูตอาจจะมีการใช้เอกสารพิเศษเพิ่มเติมมากกว่านี้ ก็จะมีการระบุมาในเอกสารของสถานทูต ดังนั้นคุณควรเข้าไปขอรายละเอียดเหล่านี้มาก่อน - หลักฐานทางการเงิน
สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่า statement คืออะไร หัวข้อนี้ตอบคำถามคุณได้ statement คือ เอกสารแสดงความเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝากของคุณในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี หลักฐานทางการเงินนี้คุณสามารถขอได้จากธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ จำเป็นต้องใช้เพื่อยื่นขอวีซ่าทั้งไปศึกษาต่อและทำงาน เพราะทางสถานทูตต้องทำการวิเคราะห์ว่าเรามีความพร้อมทางการเงินพอที่ใช้ชีวิตภายในประเทศนั้นๆ ได้อย่างสะดวกหรือไม่ ในกรณีของนักเรียนที่ไม่มี statement เป็นของตัวเอง สามารถใช้ของพ่อ, แม่ หรือผู้ปกครองได้เช่นกัน - ผลการสอบวัดระดับภาษา
ผลสอบวัดระดับภาษา IELTS และ TOEFL สำหรับสมัครเรียนหลักสูตรวิชาชีพ ปริญญาตรี และปริญญาโท เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งได้ เพราะสถาบันและมหาวิทยาลัยจะพิจารณาความสามารถด้านภาษาอังกฤษโดยจะต้องได้คะแนนตามที่สถาบันกำหนด ขั้นต่ำ 5.5-6.5 เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการพิจารณา ถ้ามีระดับคะแนนที่ดีก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในประเทศนั้นๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น - สมัครเรียนภาษาอังกฤษ ไม่จำเป็นต้องมีคะแนนภาษาใด ๆ สถาบันจะวัดระดับภาษาของนักเรียนเมื่อไปถึง และสอนตามระดับภาษา โดยผู้สมัครต้องเลือกประเทศ เมือง สถาบัน และระยะเวลาเรียน
- ค่าเล่าเรียน ค่าเรียนขึ้นอยู่กับสถาบันและระยะเวลาเรียนที่นักเรียนสมัครเรียน นักเรียนแจ้งงบประมาณคร่าวๆ เพื่อให้ TSAB แนะนำสถาบันที่เหมาะสมและงบประมาณ ไม่มีประเทศไหนถูกสุดหรือแพงสุด เพราะค่าเรียนขึ้นอยู่กับสถาบัน ค่าครองชีพขึ้นอยู่เมือง ประเทศ
- อายุผู้สมัคร ไม่ได้มีกำหนดอายุผู้สมัคร ทั้งนี้การยื่นสมัครเรียน หรือทำวีซ่านักเรียน ต้องอ้างอิงเอกสาร การเรียน การทำงาน เหตุผลที่ไปเรียน เอกสารอื่นๆ ของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ TSAB จะช่วยประเมินแนะนำเอกสารให้กับนักเรียนก่อนการสมัครเรียน
สำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ต้องการเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เพื่อทำให้การยื่นขอวีซ่ามีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่อยากพลาดในการขอวีซ่า ไม่ชอบความวุ่นวาย และต้องการให้ผ่าน 100% คุณสามารถใช้บริการข TSAB เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเดินทางไปศึกษาต่อได้อย่างสบายใจ