เรื่องเล่า เคล้าประสบการณ์ เรียนต่อ ณ มอลต้า
มาแล้ว เรื่องเล่าประสบการณ์การ “เรียนต่อพร้อมทำงาน ที่ MALTA” ของน้องยงยุทธ
วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ของน้องยงยุทธ นักเรียนที่ไปเรียนภาษาที่ Malta กับทาง TSAB มาเล่าประสบการณต่างๆ ที่พบเจอตั้งแต่ตัดสินใจเลือกมอลต้าเป็นจุดหมาย น่าจะช่วยให้น้องๆ หลายคนที่อยากรู้เรื่องการเรียนต่อมอลต้า ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่ามอลต้า เหมาะจะเป็นจุดหมายของเราไหม
–แนะนำตัวเอง ปัจจุบันเรียนที่ไหน มาที่ Malta ได้กี่เดือน
สวัสดีครับผมชื่อยงยุทธ สุขม่วงครับ ชื่อเล่นชื่อกัน ตอนนี้อาศัยอยู่มอลต้ามาสองเดือนกว่าแล้วครับ มาที่นี้ตั้งแต่ กลางเดือนกรกฎาคม
–ทำไมเลือกมาเรียนที่ Malta
ก็ต้องขอยอมรับก่อนเลยว่ามอลต้าไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผม จริงๆ แล้วตัวเลือกแรกคือออสเตรเลีย แต่ก็ต้องอด ไปด้วยเหตุผลคลาสสิคอย่างกลัวไม่กลับไทย ทำให้ผมต้องเบนเข็มมาที่ประเทศที่ดูจะเข้ามาง่ายกว่าอย่างมอลต้า หลังจากลองนั่งศึกษาข้อมูลอยู่พักใหญ่ๆ ก็พบว่ามอลต้านี้แหละเหมาะกับการมาเรียนภาษามากๆ เพราะ สิ่งที่มาทำที่นี้ได้ไม่ใช่เพียงแค่เรียน แต่ยังรวมไปถึงการทำงานและการท่องเที่ยวอีกด้วย
–รู้จัก TSAB ได้อย่างไร
ผมว่าจุดเริ่มต้นของผมก็น่าจะเหมือนใครหลายๆ คน คือการค้นหาพี่ๆ เอเจ้นจากกูเกิล ในกรณีของผม ผมได้ ติดต่อเอเจ้นไปประมาณสองสามเจ้า และทางพี่ปุ๊กจากไทยสตัสดี้เป็นคนแรกที่ติดต่อผมกลับมา ซึ่งนั้นสร้าง ความประทับใจแรกให้กับผมมาก เพราะพี่เขาติดต่อกลับมารวดเร็วมาก จึงคิดว่าพี่เขาน่าจะทำงานรวดเร็ว ซึ่ง หลังจากใช้บริการกับทางพี่ปุ๊กไปสักพักก็พบว่าจริงอย่างที่คิด นอกจากทางพี่ไทยสตัวดี้จะทำงานรวดเร็วแล้ว ยัง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ในกรณีของผมใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็ได้วีซ่าเซงเก้นจากทางสถาฑูต แล้วครับ ถือว่ารวดเร็วมากกก
–EC Malta การเรียนการสอนแชร์ อาจารย์ ที่สอน เพื่อน ๆ เป็นชาติไหนบ้าง
Ec Malta ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าที่นี้เป็นโรงเรียนที่ดีๆ มาก อาจารย์ผู้สอบมีความรู้ความสามารถจริง มีเท คนิกการสอนดีๆ ที่ข่วยให้นักเรียนสามารถดึงศักยภาพการพูดภาษาอังกฤษออกมาได้ เทคโนโลยีการสอนก็ทัน สมัย ไม่ใช่แค่จดในกระดาษอย่างเดียว ยังมีการส่งไฟล์ให้นักเรียนหลังเรียกอีกด้วย ในตัวเว็บไซต์ของโรงเรียน ก็ทั้งแบบฝึกหัดและความรู้ภาษาอังกฤษให้นักเรียนได้ศึกษาเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนเพื่อนๆ ต่างชาติของที่นี้ต้อง
บอกเลยครับว่าหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็น โคลัมเบีย บราซิล เยอรมัน อิตาลี หรือใกล้บ้านเราอย่างเกาหลี หรือญี่ปุ่น และแต่ละชาติก็จะมีสำเนียงการพูดและฒที่หลากหลาย ถือว่าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตไปในตัว ด้วยครับ
–เลิกเรียนแล้วทำอะไรบ้าง
ที่นี้ค่อนข้างมีกิจกรรมหลากหลากให้ทำนะครับ ไม่ว่าจะไปว่ายน้ำที่ชายหาด การไปดื่มปาร์ตี้กับเพื่อนๆ หรือการ หามุมสงบอ่านหนังสือในโรงเรียน ในด้านการไปว่ายน้ำนั้น ที่นี้มีหาดอยู่เต็มไปหมด หาดสวยๆ ก็มีเยอะคร้บ เพื่อนๆ สามารถเลิกเรียนและเดินไปชายหาด วางกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้า และวิ่งลงน้ำได้เลย หรือสายปาร์ตี้ก็มี เพื่อนชาวลาติน–อเมริกา พร้อมจะชวนเพื่อนๆ ไปปาร์ตี้ทุกวันอยู่แล้วครับ หรือถ้าเพื่อนคนไหนอยากจะทำการ บ้านอ่านหนังสืออย่างเดียวก็โอเค หรือสายออกกำลังกาย การวิ่งเลียบชายหาดก็เป็นความฟินไปอีกแบบนะ ครับ
–หางานทำอย่างไร อยากให้เล่าประสบการณ์ค่ะ
การหางานที่นี้จะใช้วีธีคลาสสิคเลยครับ คือเดินไปตามร้านแล้วไปสอบถามกับทางร้านเลย ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็จะ ติดป้ายรับสมัครพนักงานไว้อยู่แล้ว และเขาก็จะระบุความต้องการพื้นฐานไว้อยู่แล้ว ซึ่งงานส่วนใหญ่เขาก็ ต้องการคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง เพื่อมาสื่อสารกับลูกค้า ก็อยากให้เพื่อนๆ เตรียมนัวกันมาด้วยนะ ครับ แลเถ้าหากนายจ้างเขาโอดคกับเราเขาก็จะติดต่อเรามาทาง whatsapp หรือโทรมาให้เราไปเริ่มงานครับ –ตอนนี้ทำงานอะไร ได้รายได้เท่าไหร่โดยประมาณ
ตอนี้ยังไม่ได้ทำงานครับ เพราะอายุวีซ่าผมยังไม่ถึงสามเดือน ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนได้ แต่งานที่ ตั้งใจจะไปทำหลังจากได้วีซ่านักเรียนคือบาริต้าครับ เท่าที่ผมลองไปสอบถามดูราคาได้จะอยู่ที่ 6-8 ยูโรต่อ ชั่วโมงครับ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว วีซ่านักเรียนจะทำงานได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
–งานส่วนใหญ่คืองานอะไรบ้าง ที่นักเรียนสามารถหาทำได้
งานส่วนใหญ่ที่รับสมัครที่นี้จะเป็นพวกพนักงานเสริฟครับ หรือพวกพนักงานนวด หรือถ้าใครมีสกิลหน่อยก็ สามารถเป็นบาริต้าหรือบาเทนเดอร์ได้ครับ
–หาที่พักทำอย่างไรบ้าง
แนะนำให้จองห้องพักจาก AIRBNB มาก่อนสัก 1-2 สัปดาห์แล้วค่อยมาเดินหาที่พักจากที่นี้ ไม่แนะนำให้ติดต่อ เซ็นสัญญามัดจำออนไลน์นะครับ เพราะคนไม่ดีที่ไหนก็มี แนะนำให้ไปดูห้องที่หน้างานและเซ็นสัญญาที่นี้นะครับ
และอีกเรื่องที่ต้องสังเกตคือการหาห้องพักในเฟซบุ๊กเขาจะมีระบุไว้ด้วยว่าเราต้องเสียค่านายหน้าไหม ซึ่งจากที่ ผมลองสอบถามดูเรทค่าหน้นายจะอยู่ที่ 200-400 ยูโร แต่ถ้าใครที่ติดต่อกับเจ้าของห้องโดยตรงก็ไม่ต้องเสีย นะครับ
–ค่าครองชีพต่อเดือนเท่าไหร่
ค่าครองชีพขอกะประมาณร่าๆ นะครับ ค่าห้องขอให้ทุกคนตีไปเลยที่ 300-400 ยูโรต่อเดือน เป็นค่าใช้จ่าย มาตราฐานที่เราต้องจ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว ทางด้านค่ากินนั้นจะตกอยู่ที่ 10-15 ยูโรต่อวันขึ้นอยู่กับการบริหาร จัดการของแต่คน ถ้าหากเพื่อนๆ เลือกที่จะชื้ออาหารมาทำกินเองทุกมื้อ และชื้อเครื่องดื่มทั้งหมดมากจาก ซุปเปอร์มาเกตก็จะช่วยประหยัดได้เยอะ แต่ถ้าหากเลือกที่จะไปกินตามร้านอาหารก็ต้องเผื่อๆ เงินไว้สัก 10-15 ยูโรต่อมื้อ ซึ่งถ้าให้สรปผมคิดว่าเพื่อนๆ ควรเตสเงินสำหรับใช้จ่ายไว้ที่ 700-900 ต่อเดือนนะครับ เอาแบบอยู่ สบายๆ ไปปาร์ตี้บ้าง กินอาหารตามร้านบ้าง มาอยู่นี้ทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม
–อากาศ และความปลอดภัยใน Malta
อากาศของที่นี้ในช่วงหน้าร้อน ต้องบอกเลยว่าร้อนเหมือนเมืองไทยเลยครับ ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือน กค–ตค ซึ่งผม ก็มาตรงกับช่วงนี้พอดี ทำให้ได้รับประสบการณ์อากาศร้อนเหมือนไทยเลยครับ แต่พอเข้สู่ปลายเดือนเก้า อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน ซึ่งอากาศที่ไม่ใช่หน้าร้อนจะอยู่ที่ 15-20 องศาครับ ถือว่า ไม่ร้อนและไม่หนาวมาก
ทางด้านความปลอดภัยนั้น ถือว่าสูงมากๆ ครับ เพราะที่นี้คือประเทศในโซนยุโรปทำให้เขาบังคับกฏหมาย อย่างเข้มงวด อย่างเช่นการข้ามถนนบนทางม้าลาย ไม่ว่าจะรถติดหรือถนนโล่ง ถ้าเราข้ามทางม้าลาย รถที่ กำลังขับมาก็ต้องจอดให้เรา หรืออย่างตอนผมไปว่ายน้ำที่ชายหาดกับเพื่อนแล้วทิ้งกระเป๋าของมีค่าไว้บนหาดก็ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือถือกระเป๋าสตางค์ก็อยู่ครบ ถือว่าเรื่องความปลอดภัยดีเยี่ยมเลยสำหรับที่นี้ครับ
–ผู้คน คน Malta เป็นอย่างไร
ประชากรของที่นี้มีอยู่ประมาณห้าแสนคน แต่จากที่ผมสังเกตด้วยตัวเอง ที่นี้ถือว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุ เพราะไป ที่ไหนก็เจอแต่คนแก่ เด็กหรือวัยรุ่นนี้หายากมากๆ วัยรุ่นที่ผมเห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวหรือไม่ก็ นักเรียน สำหรับชาวมอลต้านั้นผมคิดว่าพวกเขามีความเป็นกันเองสูงมากเลยนะ ดูอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับนัก ท่องเที่ยว ถึงบางครั้งจะพูดเสียงดังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าน่ารักดีครับ
หวังว่าทุกคนจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากประการณ์เรียนต่อที่มอลต้าของน้องยงยุทธกันนะคะ ใครจนใจอยากไปเรียนที่มอลต้า ติดต่อพี่ๆ TSAB ให้คำปรึกษา แนะนำ เรื่องสมัครเรียน และวีซ่าได้นะ