เรียนฟรีที่เยอรมัน
เรียนฟรีที่เยอรมัน กับ Sprachcaffe Languages Plus
Sprachcaffe Languages PLUS German Pathways
ข้อดีของ German Pathways to University Program ของโรงเรียน Sprachcaffe คือ?
– โรงเรียน Sprachcaffe จะช่วยนักเรียนพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันให้สามารถสอบ TestDaF ได้คะแนนสูงถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยที่เยอรมนีกำหนดไว้ ทั้งป.ตรี และ ป.โท
– แค่นักเรียนมีภาษาเยอรมันระดับ beginner-A1 ก็สมัครเรียนหลักสูตรนี้ได้เลย
– ได้เรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม ขณะเรียน ป.ตรี และป.โท ที่มหาวิทยาลัยของรัฐบาล สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้
– เมื่อเรียนจบ สามารถหางานและขอ EU Blue Card เพื่ออาศัยที่เยอรมนี
– มีสิทธิ์ขอ Permanent Resident ภายใน 2 ปีหลังทำงาน
– สายงานมาแรง อนาคตไกล ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (โดยเฉพาะ ไอที) วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาตร์
มีงานรองรับมากมาย รายได้ดี มีความก้าวหน้าสูง
ภาษาเยอรมันเป็นหนึ่งในข้อกำหนดการรับนักเรียนของมหาวิทยาลัยที่เยอรมนี
นักเรียนต้องยื่นผลการทดสอบภาษาเยอรมัน DSH (Deutsche Sprachprüfung für den Hochschulzugang ausländischer Studienbewerber) หรือ TestDaF (Test für Deutsch als Fremdsprache) ในการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่เยอรมัน ซึ่งทั้ง DSH และ TestDaF เป็นแบบทดสอบที่มหาวิทยาลัยในเยอรมนียอมรับ นักเรียนที่จะสอบ TestDaF ควรมีระดับภาษาเยอรมันขั้นต่ำอยู่ที่ B2
ระดับภาษาเยอรมัน คือ A1 – C1 (Common European Framework)
Common European Framework (CEFR หรือ CEF) เป็นแนวทางจำแนกระดับภาษาออกเป็นลำดับสำหรับผู้เรียนภาษาต่างๆในแถบยุโรปดังนี้
Level Group |
Level Group Name |
|
Courses |
Description |
||
A |
Basic user
|
A1 A2 |
A1.1&A1.2 A2.1&A2.2 |
Breakthrough or beginner Way stage or elementary |
||
B
|
Independent user
|
B1 B2 |
B1.1&B1.2 B2.1&B2.2 |
Threshold or intermediate Vantage or upper intermediate นักเรียนที่มีสิทธิ์สอบ TestDaF ควรมีภาษาระดับ B2แล้ว |
||
C
|
Proficient user |
C1 C2 |
C1.1&C1.2 C2.1&C2.2 |
proficiency or advanced Mastery or proficiency |
โดยเฉลี่ยนักเรียนจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์ต่อการเรียน 1 ระดับ ตัวอย่างเช่นหากนักเรียนเป็นผู้เริ่มเรียน (complete beginner) ก็จะต้องใช้เวลาประมาณ 36 สัปดาห์เพื่อที่จะเรียนจบ B2 (คือเรียน A1, A2, B1 และ B2) เมื่อเรียนจบ B2 แล้วจึงพร้อมเข้าเรียนคอร์ส
เตรียมสอบ TestDaF (TestDaF Exam Preparation Course)
TestDaF – กุญแจสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่เยอรมนี
ผลสอบ TestDaF แบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้
TestDaF-level 5 (TDN 5 – TestDaF level 5)
TestDaF-level 4 (TDN 4 – TestDaF level 4)
TestDaF-level 3 (TDN 3 – TestDaF level 3)
นักเรียนควรได้ผลทดสอบอย่างน้อยระดับ 4 ซึ่งนอกจากระดับภาษาเยอรมันแล้วการตอบรับจากมหาวิทยาลัยยังต้องพิจารณาถึงผลการศึกษาที่นักเรียนเรียนจบมาและกฎเกณฑ์ต่างๆที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้อีกด้วย
หากนักเรียนได้ผลสอบระดับ 5 ถือว่าระดับภาษาดีเยี่ยม ทั้งนี้เนื่องจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีเกณฑ์การรับสมัครนักเรียนแตกต่างกัน ผลพิจารณาจะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ในกรณีที่นักเรียนได้ผลสอบที่ระดับ 3 อาจต้องดูว่ามหาวิทยาลัยพิจารณารับเข้าเรียนหรือไม่ และหากรับเข้าเรียนมีเงื่อนไขในการรับอย่างไรบ้าง
TestDaF Dates in 2017
Sprachcaffe TestDaF Exam Prep Course Start Date |
Application Deadline |
2017 Exam Date |
Result Date |
27-Feb-17 |
01-Mar-17 to 29-Mar-17 |
26-Apr-17 |
Result on 7-Jun-17 |
17-Apr-17 |
19-Apr-17 to 17-May-17 |
14-Jun-17 |
Result on 26-Jul-17 |
22-May-17 |
24-May-17 to 21-Jun-17 |
19-Jul-17 |
Result on 30-Aug-17 |
24-Jul-17 |
26-Jul-17 to 23-Aug-17 |
20-Sep-17 |
Result on 31-Oct-17 |
18-Sep-17 |
21-Sep-17 to 19-Oct-17 |
16-Nov-17 |
Result on 28-Dec-17 |
กรอบของเวลาเรียน German Pathways to University Program ที่โรงเรียน Sprachcaffe Languages PLUS
Level – Course Type |
Time |
A1 – Intensive Course |
9 สัปดาห์ |
A2 – Intensive Course |
9 สัปดาห์ |
B1 – Intensive Course |
9 สัปดาห์ |
B2 – Intensive Course หรือ หากจำนวนนักเรียนที่เรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน) โรงเรียนจะจัดให้เรียนคลาส Pathways B2 – Standard Course เน้นเรียนแบบ academic เพื่อเตรียมภาษาสำหรับเข้ามหาวิทยาลัย |
8 สัปดาห์ |
TestDaF- Exam Preparation Course |
8 สัปดาห์ |
การสมัครเรียน German Pathways to University กับโรงเรียน Sprachcaffe มี 2 Options สำหรับนักเรียนไทย
Option 1: สมัครวีซ่านักเรียน (สำหรับผู้สนใจเรียนป.ตรีที่ EAH Jena เท่านั้น)
EAH Jena เป็น partner university ของโรงเรียน Sprachcaffe – Frankfurt
Option 1 นี้ นักเรียนต้องได้ภาษาระดับ A1 นักเรียนเลือกคณะที่ EAH Jena เปิดสอน
ส่งใบสมัครและเอกสารสมัครเรียนให้ EAH Jena โดยเจ้าหน้าที่ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานให้
เมื่อมหาลัยตอบรับ จะออก Conditional LOA มาให้ พร้อมกับ Sprachcaffe LOA >>> นักเรียนยื่นขอวีซ่านักเรียน
(หากมหาวิทยาลัยไม่ตอบรับ ให้ดู Option 2 แทนค่ะ หรือ หาก EAH Jena ไม่มีคณะที่นักเรียนสนใจ ให้ดู Option 2 ค่ะ)
ระยะเวลาที่นักเรียนจะเรียนกับ Sprachcaffe เพื่อเตรียมตัวด้านภาษาเยอรมันสำหรับสอบ TestDaF โดยประมาณคือ
เรียน A2, B1, B2 หลักสูตร Intensive โดย A2 กับ B1 ระดับละ 9 สัปดาห์ ส่วน B2 เรียน 8 สัปดาห์ และต่อด้วย TestDaF Exam Preparation Course 8 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 34 สัปดาห์ >>> จากนั้นสอบ TestDaF
หมายเหตุ: หากมีจำนวนนักเรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน ในช่วงเวลานั้นๆ) โรงเรียนจะจัดคลาส Pathways B2 หลักสูตร Standard แทนที่จะเป็น Intensive Course B2เพื่อให้นักเรียนได้เรียนและฝึกภาษาแนว academic เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
ค่าใช้จ่ายมีดังนี้ค่ะ (ราคานี้ยังไม่รวมที่พัก และยังไม่รวมค่าสอบ TestDaF ที่นักเรียนต้องไปชำระที่แฟรงก์เฟิร์ตคือ 175€ ค่ะ)
เมื่อสอบ TestDaF และได้ผล level 4 ถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่เยอรมันตั้งไว้
ในกรณีที่นักเรียนสมัครเรียน ป.ตรี Conditional LOA ของ Jena จะระบุไว้ว่านักเรียนต้องเรียน Bridging Course ซึ่งตามปกติจะต้องเรียน 1ปี (Bridging Course จะเหมือนกับ Foundation Course ค่ะ)
หากต้องการเรียนมหาวิทยาลัยอื่นที่ไม่ใช่ EAH Jena ก็สามารถทำได้ค่ะ แม้ว่าเราจะได้ Conditional LOA จาก Jena แล้วก็ตาม
โดยนักเรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจสมัครเรียนมา 5 แห่ง เจ้าหน้าที่ Pathways ของ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานส่งใบสมัครให้ค่ะ
Option 2: สมัครวีซ่าเรียนระยะยาว National Visa สำหรับเรียนภาษา (อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี) — ต้องได้ภาษาเยอรมันระดับ A1 เพื่อยื่นขอวีซ่า
(สำหรับผู้ที่สนใจเรียนป.ตรี และป.โท) Option 2 นี้ นักเรียนไม่ต้องยื่นใบสมัครกับ EAH Jena เพราะ EAH Jena ไม่มีคณะที่นักเรียนสนใจ หรือหากนักเรียนสมัครกับ EAH Jena แล้วแต่ไม่ได้ใบตอบรับ ให้ยื่นขอวีซ่าระยะยาวแบบเรียนภาษา ซึ่งอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี แล้วต้องกลับไทย
กรณีที่นักเรียนมีระดับภาษาเยอรมันอยู่ที่ A1 แล้ว ระยะเวลาเรียนจะเป็นดังนี้
เรียน A2, B1, B2 หลักสูตร Intensive โดย A2 กับ B1 ระดับละ 9 สัปดาห์ ส่วน B2 เรียน 8 สัปดาห์ และต่อด้วย TestDaF Exam Preparation Course 8 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 34 สัปดาห์ >>> จากนั้นสอบ TestDaF
หมายเหตุ: หากมีจำนวนนักเรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน ในช่วงเวลานั้นๆ) โรงเรียนจะจัดคลาส Pathways B2 หลักสูตร Standard แทนที่จะเป็น Intensive Course B2เพื่อให้นักเรียนได้เรียนและฝึกภาษาแนว academic เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
นักเรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจสมัครเรียนมา 5 แห่ง เจ้าหน้าที่ Pathway ของ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานส่งใบสมัครให้ค่ะแล้วบินกลับไทยเพื่อรอฟังผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่ส่งใบสมัครไว้
หากมีมหาวิทยาลัยตอบรับ มหาวิทยาลัยจะส่ง Conditional LOA มาให้ที่ไทย >>> นักเรียนสมัครวีซ่านักเรียนเพื่อเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ
ค่าใช้จ่ายมีดังนี้ค่ะ (ราคานี้ยังไม่รวมที่พัก และยังไม่รวมค่าสอบ TestDaF ที่นักเรียนต้องไปชำระที่แฟรงก์เฟิร์ตคือ 175€ ค่ะ)
FAQ
คำถามที่ 1 – ถ้าหาก Conditional Letter of Acceptance ระบุว่าหลังจากที่สอบ TestDaF ผ่านแล้ว นักเรียนต้องเรียน Foundation Course หรือที่เยอรมันเรียกว่า bridging course หรือ “Studienkolleg” มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
คำตอบ ค่าใช้จ่ายสำหรับ Studienkolleg จะไม่แพงเลยค่ะ สำหรับที่ EAH Jena University จะอยู่ที่ €114/ เทอม (ค่าเทอมของที่อื่นก็จะไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไหร่ค่ะ) ซึ่งต้องดูว่า Conditional letter of acceptance มักระบุว่าให้เรียน 1 ปี ซึ่งมี 2 เทอม และจะมีสอบ entrance exam เพื่อเข้าเรียน Studienkolleg ซึ่งค่าใช้จ่ายของ entrance exam ได้รวมอยู่ใน €114 แล้วค่ะ
คำถามที่ 2 – เมื่อนักเรียนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว สามารถทำงานอย่างถูกกฎหมายได้หรือไม่
คำตอบ นักเรียนจะได้รับอนุญาติให้ทำงานได้ภายใต้เงื่อนไขคือ สามารถทำงานครึ่งวันได้ 240 วันใน 1 ปี (ครึ่งวันคือ 4 ชั่วโมง) หรือ ทำงานเต็มวันได้ 120 วันใน 1 ปี (เต็มวันคือ 8 ชั่วโมง) โดยงานที่สามารถสมัครได้จะต้องอยู่ในหมวดหมู่ “Student jobs” เท่านั้น ไม่สามารถสมัครงานแบบ Full time job ได้ค่ะ เพราะถือว่ายังเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่ ตัวอย่างงานที่สามารถทำได้ได้แก่ งานในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้ limited hour contract ค่ะ นักเรียนสามารถทำงานที่ bar หรือ restaurant ค่าแรงจะอยู่ที่ประมาณ 8.50 – 11 ยูโร/ชั่วโมง หรือจะเลือกทำงานเป็น babysitting ส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานในห้างสรรพสินค้าก็ได้ค่ะ
คำถามที่ 3 – เมื่อนักเรียนต้องการ Blue Card เพื่อใช้ทำงานและอาศัยในเยอรมัน โรงเรียนจะเป็นฝ่ายขอให้หรือนักเรียนขอเอง
คำตอบ นักเรียนจะสามารถสมัครขอ Blue Card หลังจากศึกษามหาวิทยาลัยจบแล้วค่ะ เมื่อมีบริษัทที่ต้องการจ้างนักเรียนเข้าทำงาน และเป็นสาขางานที่กำลังมีความต้องการบุคคลากร นักเรียนสามารถสมัครขอ Blue Card ได้เองค่ะ โดยโรงเรียนจะช่วยให้ข้อมูลต่างๆเพื่อให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนรายละเอียดการสมัครค่ะ
คำถามที่ 4 – มหาวิทยาลัยที่เยอรมันมีรอบรับนักศึกษาอย่างไรบ้าง
คำตอบ มหาวิทยาลัยที่เยอรมัน จะเปิดรับนักเรียน 2 รอบดังนี้ค่ะ
Winter semester = มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดรับนักเรียนต่างชาติเพื่อเข้าเรียนในเทอมนี้ เริ่มเรียนปลายเดือน September หรือต้นเดือน October เรียนจนถึง March โดยช่วงที่ควรส่งใบสมัครเรียนคือระหว่าง April – June ช้าสุดไม่เกิน July
Summer semester = เริ่มเรียน April จนถึง September มีมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่งที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติช่วงนี้ค่ะ สามารถสมัครได้ตั้งแต่ December-January เริ่มเรียน March
คณะที่มหาวิทยาลัย EAH Jena เปิดสอนในระดับปริญญาตรี มีดังนี้ค่ะ
http://www.eah-jena.de/fhj/fhjena/en/studium/Studienangebot/Bachelorstudiengaenge/Seiten/default.aspx
Bachelor’s Studies
– Automation Engineering/Information Technology International, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
– Biotechnology, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters
– Business Administration, Bachelor of Arts (B.A.), 7 semesters (Limit number of students)
– Business Administration & Engineering (Industry), Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters (Limit number of students)
– Business Administration & Engineering (Information Technology), Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters
– Business Information Systems, Bachelor of Arts (B. A.), 7 semesters (Limit number of students)
– E-Commerce, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters
– Electrical Engineering/Information Technology, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
Majoring in:
• Automation Engineering
• Communication and Media Technology
• Computer Engineering
• International/ Intercultural Communication
• Economy
– Electrical Engineering/Information Technology (For Women of Vision), Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
– Environmental Engineering, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters
– Environmental Engineering and Development, Bachelor of Science (B. Sc.), 8 semesters
– Laser- and Optotechnologies, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters
– Materials Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters
– Mechanical Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
– Mechatronics, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
– Medical Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters
– Optoelectronics, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters
– Optometry/Ophthalmic Optics, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters
– Physics Engineering, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters
– Precision Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters
– Social Work, Bachelor of Arts (B. A.), 7 semesters (Limit number of students)
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณขณะศึกษาในมหาวิทยาลัย (ข้อมูลจาก DAAD: www.daad.co.th)
ค่าใช้จ่ายซึ่งรวมถึงค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าซักรีด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขลักษณะ การเดินทาง อุปกรณ์การศึกษา และสำหรับการประกันสุขภาพ ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมยามว่างต่าง ๆ ทั้งหมดโดยประมาณอยู่ระหว่าง 800 – 900 ยูโรต่อเดือน
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยเฉลี่ยของนักศึกษาต่างชาติ
ค่าที่พัก | 250 – 350 ยูโร |
ค่าประกันสุขภาพ (สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี) | 85 ยูโร |
ค่าอาหาร | 110 – 165 ยูโร |
ค่าเสื้อผ้า | 55 ยูโร |
ค่าเดินทาง | 85 ยูโร |
ค่าอุปกรณ์การศึกษา | 30 ยูโร |
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต หรือกิจกรรมยามว่าง | 100 ยูโร |
– เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคน | |
เดือนละ | 800 – 900 ยูโร |
ปีละ | 9,600 – 10,800 ยูโร |
ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายของแต่ละบุคคล อาจแตกต่างกันไป เช่น ถ้าอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น มิวนิค หรือฮัมบวร์ก คุณก็จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอยู่ในเมืองเล็ก ๆ
คุณสามารถขอคำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการเงิน การใช้ชีวิต การดูแลสุขภาพ และความรู้ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้จากกองบริการนักศึกษา หรือ Studentenwerk โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.internationale-studierende.de/en/prepare_your_studies/